เคยได้ยินมานานจากหลายแหล่งแล้วว่าข้าวซอยที่อร่อยที่สุดอยู่บนดอยปุย ก็ได้แต่คิดว่าคนเราช่างพยายามจริงๆขับรถไต่เขาขึ้นไปขนาดนั้น
เราก็เป็นหนึ่งในนั้นเริ่มไต่เขาจากตีนดอยสุเทพผ่านไปถึงวัดพระธาตุดอยสุเทพ เตรียมใจไว้แล้วว่าต้องไปต่อ ถนนจะเป็นยังไงว้า ขึ้นไปถึงพระตำหนักภูพิงค์ถนนเริ่มแคบลง แคบลง ไปถามทางพี่วินรถตู้แถวนั้น แกหันมามองหน้า ฮะจะไปดอยปุยเหรอ ถนนมันแคบนะ ขับรถระวังหน่อย โอเค เตรียมใจไว้แล้ว ลุย…
ขึ้นมาถึงทางแยก เห็นแต่ป้ายไปหมู่บ้านม้ง ไม่ทันดูว่าม้งอะไร เอาวะเลี้ยวขวา ยิ่งไปทางยิ่งแคบ แคบ แคบ แคบ บางครั้งมีรถสวนมาต้องหลบลงไหล่ทาง ตรงไหนไม่มีไหล่ทางก็ต้องถอยรถหาไหล่ทาง ช่างทุลักทุเล ขึ้นไปเจอร้านกาแฟ เอาน่ะหยุดพักคลายเครียดจากการขับรถ เข้าไปถามป้าร้านกาแฟพร้อมคุยฟุ้งว่าจะขึ้นไปกินข้าวซอย ตกใจแทบสิ้นสติเมื่อป้าบอกว่าตรงนี้บ่อมีข้าวซอย นั่นสิกำลังคิดอยู่เชียวว่าจะมีคนดั้นด้นขับรถข้ามเมฆมาเพื่อข้าวซอยหนึ่งชาม ป้าบอกว่ามาผิดหมู่บ้านม้ง อันนี้บ้านม้งช่างเคี่ยน อันข้าวซอยน่ะบ้านม้งดอยปุย รับทราบค่ะป้า
บ้านม้งช่างเคี่ยนมีชื่อเสียงมากกับการมาชมพญาเสือโคร่งหรือซากุระเมืองไทย สองข้างทางเป็นต้นพญาเสือโคร่ง คาดว่าคงสวยหยดตอนมันผลัดใบหมดแล้วมีดอกเต็มต้น ปฏิบัติการล่าข้าวซอยยังคงดำเนินการต่อไป
ขับรถย้อนมาถึงทางไปหมู่บ้านม้งดอยปุย ทางดีกว่าทางไปหมู่บ้านแรกมาก อย่างน้อยรถวิ่งได้สองทาง มีที่กั้นถนน ขับไปจนถึงตลาดม้ง ที่จอดรถด้านหน้าถูกพี่ใหญ่รถแดงเจ้าถิ่นแย่งจอดไปหมดแล้ว ต้องเอารถไปจอดด้านล่างแล้วเดินไต่เขาขึ้นมา ดีจะได้หิว
ร้านข้าวซอยเจ้าเก่าเดินเข้าไปในตลาดม้งประมาณ 100 เมตร แต่ตรงนั้นมีสองร้าน อีกร้านใหญ่กว่ามีของขายเยอะกว่า มีอาหารตามสั่งและมีไส้กรอกปิ้งขายหน้าร้าน อย่าลืมว่าร้านข้าวซอยของเราเป็นข้าวซอยอิสลาม ดังนั้นไม่มีหมู ร้านขายไส้กรอกหมูจึงไม่ใช่ แต่ร้านนั้นมีคนมากกว่าก็ทำให้ลังเลได้เหมือนกัน นั่นล่ะประสบการณ์การกินบอกเสมอว่าร้านที่คนเยอะไม่จำเป็นต้องเป็นร้านอร่อยเสมอไป แต่ส่วนใหญ่จะใช่
เดินผ่านร้าน พี่บังผู้ชายเค้ายืนโฆษณาเลยว่าร้านเค้าร้านดั้งเดิม ประกอบกับคนในตลาดที่ถามมาก็บอกว่าร้านนี้ ก็เอาแหละร้านนี้ก็ร้านนี้ เดินเข้าไปป้าที่ทำข้าวซอยถามว่าจะทานอะไร เราก็ระดมสั่งทันที ข้าวซอยเนื้อสอง ข้าวซอยไก่หนึ่ง เดินไปนั่งโต๊ะด้านหลังร้าน จริงๆมีโต๊ะหน้าร้านให้ดื่มด่ำบรรยากาศตลาด แต่ตลาดเดี๋ยวเดินเอาก็ได้
ป้าที่ทำข้าวซอยถ้าป้าไม่ใส่อิยาปจะไม่คิดเลยว่าป้าเป็นมุสลิม ก็ป้าตัวเล็กๆขาวๆ ตาตี่ซะขนาดนั้น นึกขึ้นมาได้ป้าน่าจะเป็นจีนฮ่อที่นับถืออิสลามนะ
พี่บังเดินเอาผักกาดดองที่แกเรียกว่ากิมจิมาเสิร์ฟพร้อมกับหัวหอมซอย กิมจิของร้านนี้เผ็ดใช้ได้ ใครไม่กินเผ็ดจงระวัง แต่กิมจิรสชาติกลมกล่อมและเข้ากันได้ดีกับรสชาติข้าวซอย หัวหอมแดงหั่นตัดเลี่ยนจากข้าวซอยได้สบายๆ
ข้าวซอยที่นี่ใช้เส้นแบบจีนฮ่อเป็นข้าวซอยเส้นเล็กๆแบนๆ น้ำข้าวซอยเป็นน้ำค่อนข้างใสแต่เผ็ดหอมกรุ่นด้วยเครื่องเทศข้าวซอยแบบที่หาทานทั่วไปได้ยาก ข้าวซอยเป็นอาหารพื้นบ้านของชาวเหนือ ตั้งแต่ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน แต่เอลืมจังหวัดไหนไปหรือเปล่าเนี่ย ข้าวซอยเชียงใหม่จะต่างจากข้าวซอยเชียงรายตรงเส้นกับน้ำ ข้าวซอยเชียงรายจะใช้เส้นแบนแบบนี้หรือเส้นกลมแล้วน้ำจะไม่ข้นกะทิเหมือนข้าวซอยเชียงใหม่ ไปเชียงรายกินข้าวซอยอร่อยกว่ากันเยอะ
ข้าวซอยเนื้อเป็นเนื้อเปื่อยตุ๋นจนนุ่มและหอมถึงเครื่อง เหมือนว่าละลายในปาก ราดมากับน้ำข้าวซอยโรยด้วยเส้นกรอบแล้วเข้ากั๊น เข้ากัน ยิ่งนำมาปรุงกับพริกผัด ซึ่งเข้าใจมาตลอดว่าคือพริกเผาแต่ไม่ใช่แล้วยิ่งเข้ากันใหญ่ เพราะเป็นคนชอบทานเผ็ด การใส่พริกมันทำให้กลิ่นเครื่องแกงข้าวซอยโดดออกมาเตะจมูกอย่างช่วยไม่ได้ กินเส้นข้าวซอยเหนียวนุ่มกับเนื้อที่เคี่ยวได้เปื่อยแต่มีความรู้สึกกรุบกรอบตรงเอ็นแล้วยากที่จะบรรยายเป็นคำพูด เห็นจะจริงที่ว่าข้าวซอยดอยปุยอร่อยสุดในสามโลก ประจักษ์แจ้งแล้วจ้า
ได้ยินโต๊ะข้างๆพยายามจะสั่งข้าวซอยไก่ผสมเนื้อ ซึ่งทางร้านบอกว่าขายไม่ได้เพราะคนละราคากัน เนี่ยล่ะนะรักพี่เสียดายน้อง ชามมันไม่ใหญ่มากกินสองชามก็หมดเรื่อง ข้าวซอยเนื้อร้านนี้ขายอยู่ที่ชามละ 60 บาทแต่ข้าวซอยไก่ที่ชามละ 50 บาทเห็นมั้ยว่าผสมกันไม่ได้
เนื่องจากอยากลองก๋วยเตี๋ยวที่พี่บังบอกก็มีขายทั้งก๋วยเตี๋ยวเนื้อ ก๋วยเตี๋ยวไก่ ก็เลยสั่งก๋วยเตี๋ยวเนื้อมาลองแบบไม่ใส่ถั่วงอก แต่มีความคิดสร้างสรรค์กว่านั้นคือใส่ข้าวซอยเส้นกรอบ ก๋วยเตี๋ยวเนื้ออร่อยมากทีเดียวจากน้ำซุปใสหอมกรุ่น คาดว่าจะเคี่ยวมานานหลายชั่วโมง เนื้อที่ใช้เป็นคนละแบบกับเนื้อในข้าวซอย แต่เป็นเหมือนเนื้อสดมากกว่าเนื้อตุ๋น อร่อยจนซดน้ำหมดชาม เส้นที่ใส่มีทั้งเส้นเล็กและบะหมี่ มาถึงจุดนี้แล้วก็ต้องเป็นบะหมี่เนื้อใส่เส้นกรอบ บอกได้เลยว่าฟิน อันนี้จะปรุงใส่พริกผัดก็จะได้รสชาติอีกแบบหรือจะทานแบบไม่ปรุงเพื่อดื่มด่ำกับความหวานของน้ำซุปก็ไม่ว่ากัน
ข้าวซอยหนึ่งชามกับบะหมี่เนื้อหนึ่งชามค่อยคุ้มกับการไต่เขาบนยอดเมฆขนาดนั้น ตอนนี้เข้าใจแล้วว่าทำไมคนบางคนยอมขับรถ 20 กว่ากิโลเมตรขึ้นมาเพื่อข้าวซอยชามเดียว จะบอกให้ว่า “มันแซบจริงจริง” จนป่านนี้ยังหาคำตอบไม่ได้ว่าอีกร้านหนึ่งจะอร่อยไหม ทำไมร้านนั้นคนเยอะกว่า แต่เอาเถอะได้มาชิมข้าวซอยต้นตำหรับก็ถือเป็นกำไรชีวิต กำไรพุงสูงสุดแล้ว อย่างอื่นค่อยว่ากัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น