วันอังคารที่ 6 มกราคม พ.ศ. 2558

มาม่าฟ้าธานี เรียกอีกที มาม่าหมอนวด

สมัยที่ยังเรียนอยู่เชียงใหม่ พอตกดึกท้องเริ่มหิว จะมองหน้ากับเพื่อนแล้วรู้กันว่าไป จุดหมายไม่มีที่ไหนมาก ไม่ไปกินมาม่าก็ขับรถไปโรงหมู มาม่านั้นอยู่ไม่ไกลจากที่พัก ขี่มอร์เตอร์ไซค์ทะลุซอยไปนิดเดียวก็ถึง ที่ตั้งเดิมอยู่ซอยเล็กๆหลังโรงหนังฟ้าธานีบนถนนสุเทพ ตรงนั้นสมัยก่อนมีอาบ อบ นวดเยอะ พวกน้องๆชอบออกมานั่งกินมาม่ากัน เรามีชื่อเล่นอีกชื่อให้มาม่าฟ้าธานีว่า มาม่าหมอนวด



เมื่อก่อนจำได้ว่าเป็นสามีภรรยาที่ขายมาม่า เวลาสั่งคนขายจะค่อยๆต้มมาม่าทีละห่อ รอได้รอไปเครื่องมาม่านั้นมาไม่อั้น มีทั้งหมู ปลาหมึกแห้ง ลูกชิ้นและผักกวางตุ้ง เครื่องปรุงจะละลายใส่มาเป็นขวด ใส่เพิ่มได้เองตามชอบ ไอ้ที่ใส่มาตอนต้มนั่นก็เผ็ดปากเยินแล้ว แต่ก็เห็นมีคนเติมพริกอีก ทำได้ยังไง
สมัยก่อนจำได้ว่ามันรู้สึกดีขนาดไหนเวลาหนาวๆ ขี่มอเตอร์ไซค์ไปแล้วได้มาม่าร้อนๆเผ็ดๆ กินแล้วเหงื่อแตก แต่นั่นก็ชอบ มันให้รสชาติการกินดี การกินที่ไม่เคยลืม

ตอนนี้ร้านมาม่าย้ายร้าน จากที่เป็นโต๊ะ มีเตาต้มมาม่าข้างถนนมาเป็นร้านเล็กๆสองคูหาอยู่แถวสันติธรรม ร้านนี้อยู่ในซอยไม่ไกลมากแต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลกลใดไปกี่ทีก็หลง จะพึ่งพา Google map เธอก็พาวนจนพี่อ่อนใจ วนไปวนมาจะต้องบังเอิญเจอ เจอแล้วรอบหน้าก็ลืมอีก เป็นแบบนี้ทุกที
จุดสังเกตของร้านคือจะต้องมาทางถนนหัสดิเสวี นั่นก็คือถนนที่ผ่านมาข้างโรงพยาบาลสวนดอกแล้วเลี้ยวซ้ายไปจะเป็นกาดสวนแก้ว แต่ไม่ต้องเลี้ยวให้วิ่งผ่านสี่แยกตรงเข้ามา ผ่านไปจนต้องเลี้ยวซ้ายที่ซอยมรกต ตรงเข้าซอยมรกตจนถึงอีกด้านจะมีซอยอยู่เยื้องๆกัน ซอยนั้นนั่นแหละ เข้าไปได้ประมาณ 200 เมตรร้านจะอยู่ขวามือ จอดรถข้างถนน ลองหาร้านดูเอา แต่จะบอกว่าโชคดีนะคะ คิดแล้วนึกฉุนนิดๆว่าจะย้ายร้านทำไมฟะ ร้านเดิมหาง่ายเป็นเอกลักษณ์อยู่แล้วว่าหลังฟ้าธานี แต่ตอนนี้โรงหนังฟ้าธานีเลิกกิจการไปแล้ว แถวถนนนิมมานที่เคยอยู่ก็ราคาสูงเป็นทองคำ

เมนูร้านนี้มีไม่มาก มีทั้งมาม่าต้มยำหรือมาม่าหมูสับ ธรรมดา 35 พิเศษเครื่อง 40 หรือพิเศษมาม่า 2 ห่อ 45 บาท นอกจากนี้ยังสั่งเครื่องแยกต่างหากได้ พวกหมูลวก ลูกชิ้นทั้งหมู ทั้งเนื้อ จานละ 20 ปลาหมึกแห้งจานละ 30 หรือถ้าเพิ่มผักกวางตุ้งเพิ่ม 5 บาท สมัยก่อนผักกวางตุ้งเติมได้ไม่อั้น เดี๋ยวนี้อะไรก็เปลี่ยน
ที่ยังไม่เปลี่ยนคือรสชาติและความรู้สึก รสชาติที่เผ็ดปากเยินเหมือนเดิม และก็ยังมีน้ำพริกมาม่าที่ผสมมาเป็นขวด อันนี้ไม่อั้น แต่นั่นแหละแค่พริกที่ใส่มาก็จะตายอยู่แล้ว ให้เติมพริกเพิ่มคงไม่ไหวมังคะ 

จะมีที่แก้เผ็ดได้คือทางร้านมีหมูกรอบขายเป็นถุง คล้ายๆหมูกระจก แต่ทอดมาใหม่ๆกรอบและหอมถึงใจ กินไปอย่าสนว่าแคลอรี่เท่าไหร่ มันเยอะแน่


ตอนนี้มาม่าไม่ได้ต้มทีละชามแล้ว แต่ทางร้านมีเตาตั้งเป็นแถวต้มได้ทีละหลายชาม แต่ก็ยังคงความเหมือนเดิมไว้คือต้มหม้อละชาม น้ำมาม่าสีแดงฉานเดือดปุดอยู่บนเตา หอมเครื่องปรุงทำเอาน้ำลายไหลอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้








สั่งมาม่ามาหนึ่งชามเอาพิเศษเครื่อง ชิมไปคำนึง รสชาติยังเหมือนเดิม เข้มข้นเปรี้ยวเผ็ด กินไปร้องไห้ไปเหมือนเดิม เครื่องที่มานั้นเต็มชาม หมูสับปั้นเป็นก้อนเล็กๆ ปลาหมึกหั่นชิ้นบางๆเหนียวๆตอนเคี้ยว ผักที่ต้มมาพอดีไม่เละ เส้นมาม่าสุกได้ที่ น้ำแกงร้อนสะใจ ที่สำคัญเผ็ดเหมือนเดิม กินไปเคี้ยวหมูกรอบไปเมื่อยกราม แต่มีความสุข

ร้านเล็กๆที่ขายอาหารพื้นๆ อาหารที่ใครๆก็คิดว่าทำไมต้องมาซื้อกิน ทำง่ายนิดเดียว พูดอย่างนั้นการทำมันใช้ทั้งศาสตร์ทั้งศิลป์ ต้มยังไงให้เส้นนุ่มได้ที่ น้ำแกงต้องพอดีกับพริกที่ใส่ เครื่องเยอะขนาดนั้นซื้อเค้ากินดีกว่ามั้ย พูดแล้วมีคำถามคาใจมานานเรื่องเครื่องมาม่า แต่ละห่อมีเครื่องปรุงซองเดียว คิดว่าร้านนี้ใส่เครื่องปรุงเพิ่มแน่ๆ เครื่องปรุงที่ทำใส่ขวดไว้ ดูๆไปเหมือนเครื่องในซองเอามาผสม แต่อาจไม่ใช่เพราะถ้ามาม่าห่อหนึ่งต้องใส่เครื่องตอนต้มจะเอาที่ไหนเหลือมาทำเป็นซอสขวด ท่านผู้รู้ช่วยตอบที

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น